หลายๆท่านคงเคยผ่านหูกันมาบ้างกับตลาดซื้อ-ขายคริปโตเจ้าใหญ่นามว่า Binance แต่เคยทราบกันรึเปล่าคะว่า Binance นั้น นอกจากจะเป็นกระดานซื้อ-ขายแล้ว เขายังมีบริการอื่นที่เราสามารถใช้เพื่อเพิ่มเหรียญในกระเป๋าได้อีกด้วย เช่น การฝากกินดอกเบี้ย, วางเหรียญไว้เพื่อรับเหรียญใหม่ฟรี, แลกเศษเหรียญเป็น BNB, ฯลฯ
โดยในวันนี้เราจะมาพูดถึงฟีเจอร์ (features) ของแอพกัน
**ปล. การลงทุนในคริปโตมีความเสี่ยง DYOR (Do Your Own Research) ก่อนทำการลงทุนกันนะคะ**
เริ่มต้นซื้อขายกับ Binance
หากใครเพิ่งเริ่มเทรดกับไบแนนซ์อาจจะรู้สึกว่าเป็นแพลตฟอร์มที่ใช้ยากกันรึเปล่าคะ ที่ฝากเงินก็ไม่มีแถมเมนูยุบยับไปหมด กดไปงงไป มันเทรดยังไงนะกระดานนี้ ถ้าคุณเจอปัญหานี้อยู่ มาอ่านหัวข้อนี้กันได้เลยค่ะ
วิธีเติมเงินผ่านระบบ P2P (Peer-to-Peer)
เนื่องจาก Binance ไม่ได้มีการจดทะเบียนในประเทศไทย จึงไม่รองรับการเติมเงินเข้าระบบ เราเลยต้องเปลี่ยนเงินสดเป็นเหรียญหลัก (USDT / BUSD) เพื่อใช้สำหรับแลกเปลี่ยนกันก่อนนะคะ ผ่านระบบที่เรียกว่า P2P ที่ให้ผู้ใช้งาน (user) ซื้อขายเหรียญกันโดยตรง
- เข้าแอพ binance แล้วเลือกไอคอน P2P
- จากนั้นเลือกว่าจะซื้อจากเจ้าไหนแล้วกด Buy โดยดูตรง
- Price – ราคาต่อ 1 เหรียญ
- Limit – มูลค่าที่ร้านนั้นๆเสนอขาย เช่น ฿47,900 – ฿47,935.51 คือต้องซื้อไม่ต่ำกว่า 47,900 และ ไม่เกิน 47,935.51 บาท
- หลังกดเสร็จ ใส่จำนวนให้เรียบร้อย โดยสามารถเลือกเป็น
- By Fiat – เงินบาทไทย หรือ
- By Crypto – จำนวนเหรียญที่ต้องการ
- **ถ้าเป็นเงินบาทพวกเศษสตางค์จะต่างกันนิดหน่อยละโดนปัดขึ้นนะคะ จากที่สังเกตุ
- หน้าถัดมาจะเป็นข้อมูลชื่อและบัญชี ให้เช็คก่อนโอนนะคะว่ายอดตรงรึเปล่า กับเลขบัญชีที่โอนพอใส่ไปแล้วตรงกับชื่อที่ให้ไว้ในระบบรึเปล่า **ถ้าไม่ตรงหรือมีอะไรแปลกๆ ให้ยกเลิกแล้วซื้อกับเจ้าอื่นแทน
- หลังโอนเสร็จกด Tranferred, notify seller แล้วรอผู้ขายโอนเหรียญมาให้เราเป็นอันจบขั้นตอน ซึ่งเหรียญที่ได้จะอยู่ในกระเป๋า Funding นะคะ เวลาจะใช้ซื้อขาย ให้โอนเหรียญมาที่กระเป๋า Spot ก่อน


วิธีหาเงิน / เพิ่มเหรียญในกระเป๋าแบบต่างๆ
สำหรับใครที่ไม่มีเมนูบนหน้าจอ ให้เข้าตามรูปด้านล่างคือ ดูที่เมนูหลักใต้แบนเนอร์แล้วเลือก More > เลื่อนลงมาจนเจอส่วนที่เขียนว่า Earn


- Earn ฝากเหรียญรับดอกเบี้ย APY
- Savings (Flexible / Fixed) อันนี้จะคล้ายๆกับระบบธนาคารนะคะ หลังจากเราฝากแล้ว ทาง binance จะนำเงินที่เราฝากไปปล่อยกู้อีกที และนำดอกเบี้ยเงินกู้มาแบ่งให้เรา
- Flexible Saving: เหมือนฝากออมทรัพย์
- Fixed Saving: เหมือนฝากประจำ
- Staking ผลตอบแทนมักจะสูงกว่าฝากแบบ Saving และเป็นรูปแบบการตรวจสอบธุรกรรมรูปแบบหนึ่งในโลกของ Cryptocurrency เรียกง่ายๆ ว่าคือ “วิธีการตรวจสอบธุรกรรมโดยการวางเงินค้ำประกัน” อ่านเพิ่มเติม
- Locked Staking การฝากเหรียญแบบล๊อคระยะเวลาตามช่วงที่กำหนด หากถอนก่อนครบเวลา ดอกเบี้ยที่ได้จะโดนดึงคืนไปทั้งหมด
- DeFi Staking การนำเหรียญไปฝากตามโปรเจค DeFi ต่างๆ ที่ binance ทำหน้าที่เป็นตัวกลาง **ความเสี่ยงสำหรับการฝากแบบนี้คือ ทาง binance จะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายต่างๆ ที่เกิดจากระบบและความปลอดภัยของโปรเจคที่เราไปเข้าร่วม
- Savings (Flexible / Fixed) อันนี้จะคล้ายๆกับระบบธนาคารนะคะ หลังจากเราฝากแล้ว ทาง binance จะนำเงินที่เราฝากไปปล่อยกู้อีกที และนำดอกเบี้ยเงินกู้มาแบ่งให้เรา
- Launchpad การฝากเหรียญเพื่อรับเหรียญมาใหม่ ตามระยะเวลาของโปรเจค ส่วนใหญ่เหรียญที่เราจำเป็นต้องมีในการนำไปฝากแบบนี้คือ BNB / BUSD / เหรียญของตัวโปรเจคเอง / เหรียญของเชนที่เกี่ยวข้องกับโปรเจค – สามารถเช็คโปรเจคที่ไลฟ์อยู่ได้ที่ https://launchpad.binance.com/en
- Liquidity Farming การฝากเหรียญเพื่อนำไปช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับระบบ โดยจะได้กำไรกลับมาจาก ส่วนแบ่งของค่า slippage และต้องฝากแบบเป็นคู่เหรียญซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น เหรียญที่เราต้องการฝากคู่กับเหรียญหลัก (e.g. USDT, BNB, BTC, ETH, and etc.) ความเสี่ยงสำหรับการฝากแบบนี้คือ การเกิด impermanent lost หรืออธิบายคร่าวๆว่าการสูญเสียจากมูลค่าส่วนต่างราคาของเหรียญซึ่งเกิดจากความเปลี่ยนแปลงของ demand และ supply ในตลาด ณ เวลาที่ถอนเหรียญออกมา
ข้อมูลเพิ่มเติมอื่นๆ